ประเภทเครื่องใช้ งานประดิษฐ์เครื่องใช้เป็นชิ้นงานที่ทำขึ้นเพื่อความสะดวกสบายและเป็นเครื่องทุ่นแรงในการดำเนินชีวิต หรือประกอบอาชีพในชีวิตประจำวัน เช่นเสื้อผ้า แจกัน หมวก ตะกร้า กระจาดและเข่ง 3. ประเภทเครื่องตกแต่ง งานประดิษฐ์ตกแต่ง ทำขึ้นเพื่อความสวยงามและเป็นสิ่งประดิษฐ์ใช้กับบ้านเรือน นอกจากนี้บางชิ้นงานสามารถนำมาใช้ในด้านการใช้สอยได้ เช่นกรอบรูป โคมไฟ ภาพวาด งานแกะสลัก 4. ประเภทเครื่องใช้ในพิธี ทำขึ้นเพื่อใช้ในพิธีทางศาสนา ในช่วงโอกาสต่าง ๆ และงานประเพณีสำคัญ เช่นงานลอยกระทง งานวันเข้าพรรษา ออกพรรษา งานศพ งานประดิษฐ์เครื่องใช้ เช่น พานพุ่ม มาลัย บายศรี การจัดดอกไม้ในงานศพ 4. หลักการทำงานประดิษฐ์ ในการทำงานประดิษฐ์เพื่อให้ได้ผลงานตามจุดหมายที่กำหนดไว้ ควรยึดหลักในการทำงานประดิษฐ์ดังต่อไปนี้ 1. ศึกษารายละเอียดของงานที่จะนำมาประดิษฐ์ให้เข้าใจ ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบต่าง ๆ ของงานและเลือกทำสิ่งประดิษฐ์ให้เหมาะสมความรู้ ความสามารถของตนเอง และเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ 2. วางแผนการทำงาน กำหนดขั้นตอนการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา แรงงาน ค่าใช้จ่ายและออกแบบรายละเอียดวิธีการประดิษฐ์ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน 3.
๒ หลักการออกแบบงานประดิษฐ์ หลักการออกแบบงานประดิษฐ์ เป็นความรู้พื้นฐานที่ใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ควรคำนึงถึงเพื่อการนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานประดิษฐ์ของตนเอให้มีความสวยงามเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หลักการออกแบบงานประดิษฐ์ที่สำคัญ ได้แก่ การนำหลักการทางศิลปะมาใช้ เพื่อให้ได้รูปแบบสวยงามน่าสนใจ หลักศิลปะในงานประดิษฐ์ เป็นหลักการเบื้องต้นที่ผู้ออกแบบควรคำนึงถึงเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานออกแบบของตนเอง ให้สวยงามเหมาะสม โดยนำไปผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ความต้องการ รวมทั้งจุดมุ่งหมายของผู้ประดิษฐ์เป็นสำคัญ ความรู้พื้นฐานที่ผู้ออกแบบควรคำนึงถึง ได้แก่ ๑. ความรู้เบื้องต้น เป็นสิ่งที่สื่อความหมายด้วยสายตา เส้นแต่ละลักษณะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกต่างกัน การนำเส้นต่างๆ มาใช้ในการออกแบบ ผู้ออกแบบควรคำนึงถึงลักษณะของเส้น ดังนี้ เส้นตรง ให้ความรู้สึกราบเรียบ เส้นตั้ง ให้ความรู้สึกมั่นคง เส้นนอน ให้ความรู้สึกในทางกว้าง เส้นโค้ง เส้นคด เส้นคลื่น ให้ความรู้สึกอ่อนไหว เคลื่อนไหว เส้นหัก ประกอบด้วยมุมเหลี่ยม และเส้นให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ๒. ความรู้เรื่องรูปร่าง หมายถึงเส้นรอบนอกของวัตถุ ที่สามารถสื่อความหมายถึงความกว้างและยาว เช่น รูปร่างผอมสูง อ้วนเตี้ย ๓.
1. ความสำคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์ 1. ฝึกให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงานให้มีรูปร่างแปลกใหม่และพัฒนางานประดิษฐ์เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ขึ้น 2. งานประดิษฐ์ที่ใช้วัสดุต่าง ๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นชิ้นงาน สามารถใช้วัสดุอื่นทดแทนกันได้ และสามารถนำวัสดุที่มีในท้องถิ่น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ 3. ฝึกให้รู้จักการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้ตนเอง และมีนิสัยรักในงานประดิษฐ์ 4. ให้นักเรียนรู้จักใช้และดูแลรักษาเครื่องมือในงานประดิษฐ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับประเภทของงานประดิษฐ์ 5. ฝึกการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและมีความสุข ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานประดิษฐ์ของตนเอง 6. ฝึกให้นักเรียนรู้จักประหยัด สามารถนำสิ่งของที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากนัก 7. เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้มีการสืบทอดและพัฒนาต่อไปจากภูมิปัญญาเดิมสู่การเรียนรู้ที่มากขึ้นและเป็นผลงานของคนไทย 8. สามารถเพิ่มพูนรายได้ให้กับผู้ประดิษฐ์ โดยการนำออกไปจำหน่ายในโอกาสต่าง ๆและสร้างเป็นอาชีพได้ในอนาคต 9.
การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำงานประดิษฐ์ไว้ให้ครบถ้วนและใช้ให้เหมาะสมกับการที่ออกแบบไว้ โดยทั่วไปการเลือกวัสดุมาใช้ในงานประดิษฐ์ นิยมเลือกใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น หรือวัสดุที่มีอยู่ภายในบ้านซึ่งหาง่าย มีราคาถูก 4. ลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ขณะที่ทำการประดิษฐ์ เมื่อเกิดปัญหาไม่ควรท้อถอย ควรปรึกษาครูหรือผู้ที่มีความสามารถ และควรพยายามตั้งใจปฏิบัติงานต่อไปจนกว่างานจะสำเร็จ 5. การออกแบบงานประดิษฐ์ การออกแบบ หมายถึงการแสดงความคิด การวางแผน เพื่อกำหนดรูปแบบผลงานที่ต้องการก่อนทำงานประดิษฐ์ โดยการร่างภาพเขียนด้วยดินสอและไม้บรรทัดเท่านั้น การออกแบบมีความสำคัญมากเพราะผู้ออกแบบต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์การดัดแปลง แก้ผลงาน ให้มีรูปร่างแปลกใหม่ การออกแบบที่ดีจะช่วยให้การทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้นผลงานสำเร็จตรงตามต้องการไม่มีผิดพลาด หลักการออกแบบ เมื่อจะออกแบบควรนำองค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบมาใช้โดยยึดหลักดังต่อไปนี้ 1. ความสมดุล เกี่ยวข้องกับความรู้สึกในการมองเห็นทั้งด้านรูปทรง น้ำหนัก สี ความสมดุลเท่ากัน และความสมดุลที่ไม่เท่ากัน 2. สัดส่วน หมายถึงการได้ส่วนกันของสิ่งที่ออกแบบ เช่น การออกแบบดอกไม้ ส่วนประกอบดอกไม้ ใบ ก้าน ควรได้สัดส่วนดอกไม่ควรใหญ่เกินก้านและใบมากนัก 3.
1. ฝึกให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงานให้มีรูปร่างแปลกใหม่และพัฒนางานประดิษฐ์เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ขึ้น 2. งานประดิษฐ์ที่ใช้วัสดุต่าง ๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นชิ้นงาน สามารถใช้วัสดุอื่นทดแทนกันได้ และสามารถนำวัสดุที่มีในท้องถิ่น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ 3. ฝึกให้รู้จักการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้ตนเอง และมีนิสัยรักในงานประดิษฐ์ 4. ให้นักเรียนรู้จักใช้และดูแลรักษาเครื่องมือในงานประดิษฐ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับประเภทของงานประดิษฐ์ 5. ฝึกการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและมีความสุข ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานประดิษฐ์ของตนเอง 6. ฝึกให้นักเรียนรู้จักประหยัด สามารถนำสิ่งของที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากนัก 7. เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้มีการสืบทอดและพัฒนาต่อไปจากภูมิปัญญาเดิมสู่การเรียนรู้ที่มากขึ้นและเป็นผลงานของคนไทย 8. สามารถเพิ่มพูนรายได้ให้กับผู้ประดิษฐ์ โดยการนำออกไปจำหน่ายในโอกาสต่าง ๆและสร้างเป็นอาชีพได้ในอนาคต 9. เกิดความภาคภูมิใจในชิ้นงานของตนเอง ทำให้ผู้อื่นยอมในความสามารถของตนเองในระดับหนึ่ง
ความกลมกลืน คือการออกแบบวัตถุให้มีรูปทรงที่ไปด้วยกันได้ สีก็ต้องกลมกลืนกันการใช้แสง และเงาที่ไปด้วยกันได้ 4. ความแตกต่าง คือการใช้ส่วนประกอบของการออกแบบที่ไม่ซ้ำกัน ใช้สีที่ไม่เหมือนกัน 5. การเน้นให้เกิดจุดเด่น คือการออกแบบที่ทำให้เกิดจุดเด่นสะดุดตา ทำให้น่าสนใจ น่าดู อาจเน้นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงอย่างเดียวก็ได้ เช่น สี เส้น รูปร่าง วิธีการออกแบบงานประดิษฐ์ 1. ร่างโครงร่าง กำหนดรูปแบบ บอกขั้นตอนการประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จ 2. กำหนดวัสดุ หรือเศษวัสดุ ที่ต้องนำมาใช้ให้ครบถ้วน 3. กำหนดรายชื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ 4. กำหนดราคาทุนหรือค่าใช้จ่ายในการประดิษฐ์ 5. บอกประโยชน์ของผลงานว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรดีกว่าเดิมหรือไม่ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ขอขอบคุณคลิปจาก 1petiteSorciere
นักประดิษฐ์ที่ดีควรมีความรู้ และมีทักษะที่จำเป็นในเรื่องต่อไปนี้ 1. มีความกระตือรือร้นที่จะหาความรู้ใหม่ๆ ในเรื่องงานประดอษฐ์ โดยหมั่นหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ศึกษาตัวอย่างของจริง สอบถามผู้ชำนาญการในชุมชนหรือท้องถิ่น ศึกษาขั้นตอนการประดิษฐ์ และทดลองปฏิบัติ ซึ่งทำให้ได้พัฒนาฝีมือ และสร้างผลงานที่แปลกใหม่ขึ้นได้ 2. มีความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ทำให้ผลงานมีความโดดเด่นหรือมีเอกลักษณ์พิเศษไม่ซ้ำผู้อื่น 3. มีความรู้และทักษะเกี่ยวกับหลักการทางศิลปะ เช่น หลักการออกแบบ รูปร่าง รูปทรง การใช้สี เป็นต้น 4. มีความรู้และทักษะพื้นฐานด้านงานช่าง เช่น การใช้ การบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมือในงานประดิษฐ์ เพื่อให้สามารถใช้งานเหมาะสมกับวิธีการและขั้นตอนการประดิษฐ์ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย เป็นต้น 5. มีลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เช่น มีความรับผิดชอบ รู้จักการเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ มีความสามัคคี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักเสียสละ มีความขยัน มีความซื่อสัยตย์ เป็นต้น
ศึกษาหลักการ วิธีการ หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานในการประดิษฐ์ชิ้นงาน 3. ทดลองปฏิบัติการประดิษฐ์ ผู้เรียนต้องศึกษาค้นคว้าทดลองปฏิบัติตามแนวที่ได้สร้างสรรค์ไว้ ลักษณะของงานประดิษฐ์ 1. งานประดิษฐ์ทั่วไป เป็นงานที่บุคคลสร้างขึ้นมาจากความคิดของตนเองโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งรอบๆ ตัว นำมาดัดแปลง หรือเรียนรู้จากตำรา เช่น การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ งานปั้นจากวัสดุต่าง ๆ งานประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ งานประดิษฐ์จากกระดาษหรือผ้า โดยมีจุดมุ่งหมายการประดิษฐ์ เพื่อเป็นของเล่น ของใช้ และของตกแต่งบ้าน 2. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นงานที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในครอบครัวหรือในท้องถิ่น หรือทำขึ้นเพื่อใช้งานหรือเทศกาลเฉพาะอย่าง เช่น งานประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สด (มาลัย) ง านประดิษฐ์ด้วยใบตอง( บายศรี) งานแกะสลักพืชผัก ผลไม้ และ ไม้ งานจักสาน งานปั้นจากดิน ประเภทของงานประดิษฐ์ งานประดิษฐ์ต่างๆ สามารถเลือกทำได้ตามความต้องการและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของงานประดิษฐ์ ตามโอกาสใช้สอย ดังนี้ 1. ประเภทใช้เป็นของเล่น เช่น งานปั้นดินเป็นสัตว์ งานจักสานใบลานเป็นโมบาย งานพับกระดาษรูปต่าง ตุ๊กตา ว่าว รถลาก 2.
ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์ 2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้ 3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย 4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชำรุดให้พร้อมใช้เสมอ ใบกิจกรรม 1 ให้ตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. อธิบายความหมายของงานประดิษฐ์ 2. งานประดิษฐ์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง 3. การที่จะเป็นนักประดิษฐ์ ผู้เรียนต้องมีคุณสมบัติอย่างไร 4. งานประดิษฐ์แบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง 5. งานประดิษฐ์แบ่งออกเป็นกี่ลักษณะ อะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง ใบกิจกรรม 2 ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล อุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์ มาอย่างน้อย 15 ชนิด ชื่ออุปกรณ์ / รูปภาพ วิธีการใช้ วิธีการบำรุงรักษา ใบกิจกรรม 3 ให้นักเรียนสำรวจงานประดิษฐ์ภายในบ้าน หรือที่เคยทำใช้ภายในบ้าน และเขียนชื่องานประดิษฐ์ลงในตาราง ให้ได้มากที่สุด ของใช้ ของเล่น ของตกแต่ง เครื่องใชในงานพิธีการ 1. ข้อใดคือความหมายของงานประดิษฐ์ ก. ชิ้นงานที่สร้างขึ้น ข. การปฏิบัติ และฝึกฝนงาน ค. ความเป็นเอกลักษณ์ของไทย ง. ชิ้นงานที่เกิดจากวัสดุธรรมชาติ