กระเทียม สารอัลซิลิน (allicin) ที่มีในกระเทียมนอกจากจะมีสรรพคุณลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือดได้แล้ว ก็ยังมีฤทธิ์ต่อต้านโรคเบาหวาน อีกทั้งมีการศึกษาพบว่าเอทานอลที่อยู่ในกระเทียมสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้ ซึ่งถ้าอยากให้ได้ประโยชน์จากกระเทียมแบบเน้น ๆ อย่างนี้ก็ควรจะรับประทานกระเทียมแบบสด ๆ เพราะกระเทียมที่ผ่านความร้อนแล้วจะมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่ากระเทียมสดค่ะ 10. ว่านหางจระเข้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดการบวม อาการอักเสบ และช่วยสมานแผลได้เท่านั้น แต่ว่านหางจระเข้ยังเป็นสมุนไพรที่เหมาะจะใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เพราะมีการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าน้ำของว่านหางจระเข้สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ทั้งนี้ก็ยังช่วยลดระดับไขมันในเลือด และสรรพคุณพื้นฐานของ ว่านหางจระเข้ ที่ช่วยลดอาการบวมและรักษาแผลก็ยังสามารถใช้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วย เพราะผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดบาดแผลมักจะมีปัญหาแผลหายช้าทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย 11. ขมิ้น สมุนไพรที่ให้สีเหลืองสดใสนี้ นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบได้แล้วก็ยังสามารถชะลอการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยพบว่าคนที่มีความเสี่ยงโรคเบาหวานหากรับประทานอาหารที่มีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในขมิ้นติดต่อกันเป็นประจำ จะช่วยให้ความเสี่ยงโรคเบาหวานลดลง ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะสารเคอร์คูมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จึงช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายได้นั่นเอง 12.
อ่อนเพลีย เมื่อร่างกายไม่สามารถที่จะนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็จะทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนแรงอยู่เรื่อย ๆ และต่อให้กินข้าว พักผ่อนนอนหลับไปแล้วก็ยังมีอาการอ่อนเพลีย แบบนี้ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่อาจจะบ่งบอกได้ว่าอาจจะเป็นโรคเบาหวานแล้ว 2. ชาปลายมือปลายเท้า ใครที่รู้สึกว่ามีอาการชาปลายมือปลายเท้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจจะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าเป็นโรคเบาหวาน เพราะว่าโรคเบาหวานสามารถที่จะเข้าไปทำลายปลายประสาทได้ ทำให้เรามีอาการชาตามปลายมือปลายเท้าได้ค่ะ 3. แผลหายช้ากว่าปกติ แผลทั่วไป อย่างเช่นแผลถลอก แผลฉีกขาด ส่วนมากก็จะหายไปได้ภายในประมาณ 5 - 7 วัน แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด ส่งผลให้เวลาที่เป็นแผลขึ้นมา แผลจะหายช้ากว่าคนอื่น โดยอาจจะใช้เวลามากถึง 2 - 3 อาทิตย์ หรือในบางคนก็อาจจะเกิดอาการแผลติดเชื้อได้ค่ะ 4. ปัสสาวะบ่อย เพราะว่าคนที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง ทำให้น้ำตาลถูกขับออกมาทางปัสสาวะทำให้ปัสสาวะบ่อยและเยอะ ซึ่งการปัสสาวะบ่อยเพราะโรคเบาหวาน ให้เราสังเกตว่าตอนกลางคืนเราปัสสาวะกี่ครั้ง ซึ่งโดยปกติเราไม่ควรจะปัสสาวะเกิน 2-3 ครั้ง ถ้าใครปัสสาวะกลางคืนเกิน 3-4 ครั้งต้องบอกว่าเริ่มมีความผิดปกติและอาจจะเป็นโรคเบาหวานได้ ให้รีบไปตรวจน้ำตาลในกระแสเลือดว่าเรามีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงผิดปกติหรือเปล่า 5.
อบเชย อบเชย หรือซินนามอน (Cinnamon) เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่มีสารสำคัญในการช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย โดยแค่เพียงโรยผงอบเชยลงในอาหารที่รับประทานก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้วล่ะค่ะ 4. เห็ดหลินจือ อีกหนึ่งสุดยอดสมุนไพรจีนล้ำค่าที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีคุณกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เนื่องจากในเห็ดหลินจือมีสารในกลุ่มโพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน อีกทั้งยังช่วยให้น้ำตาลที่อยู่ในเลือดถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 5. บอระเพ็ด สมุนไพรรสชาติขมอีกชนิดที่อยากให้คุณได้ลอง เพราะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่อยู่ในตำรับยาไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไข้ และช่วยให้เจริญอาหาร ที่สำคัญมีการศึกษาแล้วว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่พบผลข้างเคียงอันตรายใด ๆ อีกด้วย ทว่าอาจจะรับประทานยากเพราะขม แต่อย่าลืมนะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา 6.
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และ โรคหัวใจ หากติดโควิด-19 มักจะพบความเสี่ยงที่จะทำให้อาการรุนแรงแม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่ามีโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้มากกว่าคนทั่วไป แต่หากติดเชื้อโควิด-19 ก็มีโอกาสที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น ควรระมัดระวัง พญ. รัตนพรรณ สมิทธารักษ์ อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ กล่าวว่า คนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่เดิม ไม่ได้มีข้อมูลว่าสามารถติดโควิด -19 ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่สิ่งที่คนไข้เบาหวานควรให้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากหากติดเชื้อโควิด-19 คือ 1. ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี จะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้มากกว่าคนทั่วไปเนื่องจากระดับน้ำตาลที่สูงกว่าค่าปกติ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ไม่ดี เชื้อไวรัสสามารถเติบโตและกระจายตัวได้ง่ายขึ้น 2. ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีโรคร่วม หากติดเชื้อโควิด-19มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงมากขึ้น หรือมีผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นได้ และ 3.
ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์โรคหัวใจ รพ.
หลังจากเวลานี้ยังสามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้เกราะป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ 3.