ปวีณา สปิลเลอร์
บุคคลย่อมมีความแตกต่างกัน บุคคลโดยทั่วไปนั้นถ้าพิจารณาอย่างผิวเผินแล้วจะเห็นว่าเหมือนๆกัน แต่แท้จริงแล้วบุคคลแต่ละคนมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว (Uniqueness) แต่ละคนย่อมแตกต่างไปจากบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสิ่งแวดล้อม พันธุกรรม สติปัญญา อารมณ์ เจตคติ ค่านิยม อุดมคติ วัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ นิสัยใจคอ วินัยจรรยา การศึกษาที่มีมาตลอดชีวิต หรือกระบวนการเรียนรู้ ทางสังคม 2. การพิจารณาศึกษาบุคคลต้องดูทั้งหมดในฐานะที่บุคคลนั้น เป็นบุคคลคนหนึ่ง ในการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลหนึ่งบุคคลใดนั้น เราต้องพึงระลึก เสมอว่า เราได้เข้ามามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นทั้งคน เรามิได้เลือก ติดต่อสัมพันธ์กับเรื่องหนึ่งเรื่องใด 3. พฤติกรรมของบุคคลแต่ละคนต้องมีสาเหตุ บุคคลอาจได้รับการจูงใจ เหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงสาเหตุของพฤติกรรม อันได้แก่เรื่องความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจของบุคคล การที่บุคคลจะได้รับการจูงใจให้ทำงานเขาจะต้องสร้างพฤติกรรมขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเขาด้วยความคิดของเขาเอง มิใช่สร้างพฤติกรรม ตามความคิดของผู้อื่น 4. บุคคลทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เสมอกัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางปรัชญามากกว่าเรื่องทางวิทยาศาสตร์ มนุษย์นับเป็นสัตว์ประเสริฐที่มีความคิด มีสมอง มีความรู้ผิดชอบชั่วดี มีวัฒนธรรม มีสามัญสำนึก เป็นสิ่งที่อยู่เหนือสรรพสัตว์ทั้งหลายดังนั้นการติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน จึงต้องปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ และตระหนักในศักดิ์ศรีของความ เป็นมนุษย์ของเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร มีสถานภาพหรือฐานะอย่างไร เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา 5.
ยอมรับถึงวัฒนธรรม และลักษณะของบุคคลที่แตกต่างกัน เพื่อนร่วมงานแต่ละคน ไม่ได้ใช้มาตราฐานแบบเดียวกัน ไม่ได้มีนิสัย ลักษณะอารมณ์ที่เหมือนๆกัน ล้วนแล้วแต่มาจากหลากหลายที่ ในการทำงาน ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ยอมรับในความแตกต่างและต้องรู้จักใช้เหตุผลตัดสิน เครดิต ข้อสอบ pre o net ป 6 2553 พร้อม เฉลย เปลี่ยน แบ ต มือ ถือ ราคา Iatf 16949 pdf ภาษา ไทย converter โช๊คหลังนูโวอิลิแกนซ์ ราคาถูก ซื้อออนไลน์ที่ 1. Positive Thinking เริ่มต้นด้วยการคิดบวก มองโลกในด้านบวก เพื่อให้ตนเองทำงานอย่างมีความสุข มองคนอื่นๆ มองเพื่อนร่วมงานในด้านที่ดีๆของเค้า ไม่จับกลุ่มวงสนทนา วิพากวิจารณ์ผู้อื่น เราต้องเข้าใจอยู่เสมอว่า ไม่มีใครดีพร้อม สมบูรณ์แบบไปทุกด้าน แต่ละคนมีด้านดีและไม่ดีแตกต่างกันออกไป แค่ Positive Thinking ในการทำงานทุกๆวัน ก็จะทำให้เราเป็นสุขแล้ว. 2. ให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอ การยอมรับและให้เกียรติผู้อื่นทำให้ลดความขัดแย้งในการทำงานลงได้ในทุกๆสถานการณ์ ต้องเข้าใจและยอมรับในความคิดและการตัดสินใจของเพื่อนร่วมงาน โดยอาศัยหลักของเหตุผล และผลประโยชน์ส่วนรวมก่อนเสมอ 3. สื่อสารให้เป็น ในการทำงานขาดไม่ได้ในเรื่องของการสื่อสาร หากเราเป็นผู้ที่สื่อสารเป็นแล้วนั้น จะทำให้การทำงานราบรื่นและลดข้อผิดพลาด รวมไปถึงลดความขัดแย้งด้วย โดยการสื่อสารจะต้องตรงจุด ตรงประเด็น ชัดเจน ไม่นำอารมณ์ส่วนตัวมาใช้ในการสื่อสาร ขณะที่เป็นผู้ฟังก็ต้องให้ความใส่ใจตอนที่เพื่อนร่วมงานพูด เพื่อที่จะสามารถเข้าใจถึงสาระสำคัญของเนื้อหา สิ่งนี้ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด และเมื่อผู้พูด พูดจบแล้ว คุณก็จะสามารถสรุปสิ่งที่ได้ยิน และสื่อความหมายระหว่างกันได้อย่างตรงประเด็นเช่นกัน 4.
ปรับบุคลิกภาพให้มีเสน่ห์ เช่น การใช้ภาษากายที่เหมาะสม การ แต่งตัว ที่เหมาะกับกาลเทศะและดูดี การเลือกใช้น้ำเสียง หรือคำพูด และการแสดงออกทางท่าทาง รวมไปถึงการพัฒนาบุคลิกภาพด้านต่างๆ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยให้เพื่อนร่วมงานอยากเข้าใกล้ ประทับใจ และอยากทำงานด้วย 2. การควบคุมพฤติกรรมและทัศนคติของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงทั้งทางคำพูดและปฏิกิริยาท่าทาง การปรับความคิด อารมณ์ความรู้สึกให้เป็นเชิงบวกทั้งต่อตัวเองและต่อเพื่อนร่วมงาน จะทำให้การมีมนุษย์สัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปในทางบวกด้วย 3. เอาใจใส่และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมงาน ทำให้ลดช่องว่างระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ที่ดีจึงผกผันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 4. ยอมรับความสามารถ และมั่นใจในเพื่อนร่วมงาน ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่าพร้อมที่จะสู้ไปข้างหน้าด้วยกันเพื่อความสำเร็จสูงสุดของงาน 5. ให้เกียรติ เอาใจใส่ ปรับตัวเข้าหาเพื่อนร่วมงานก่อนโดยไม่ต้องร้องขอ เพราะหากชักช้าอาจทำให้ความสำเร็จของงานล่าช้าตามไปด้วย 6. เป็นมิตรและจริงใจทำให้เพื่อนร่วมงานมั่นใจและกล้าเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ยิ่งจะทำให้การทำงานเป็นทีมเกิดมากขึ้นด้วยเพราะความสัมพันธ์ของแต่ละคนกระชับแนบแน่นมากขึ้น 7.
ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นอย่างจริงใจ เมื่อทราบข่าวความสำเร็จของ เพื่อนร่วมงาน เช่น ได้เลื่อนตำแหน่ง คุณควรจะยินดีในความสำเร็จของเพื่อนอย่างจริงใจ มากกว่าที่จะรู้สึกอิจฉาที่เขาก้าวหน้ากว่าคุณ และอาจจะใช้โอกาสนี้ในการศึกษาเพื่อนของคุณ เพื่อเป็นแบบอย่างความสำเร็จ ว่าเขาทำงานอย่างไรถึงได้เป็นที่ยอมรับและได้เลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้ 10. อย่าดูถูกคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่า คนเราเริ่มต้นจากตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่ง แม้ว่าตำแหน่งนั้นจะดูต่ำต้อย ก็ไม่ควรดูถูกผู้อื่น ยกตัวอย่างตำแหน่งผู้ช่วย อย่าดูถูกผู้ช่วยของคุณ เพราะไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจขึ้นมาเป็นหัวหน้าของคุณก็ได้ ความสำเร็จในการทำงานนั้นส่วน หนึ่งมาจากเพื่อนร่วมงาน หากคุณสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี ทีมของคุณก็จะเข้มแข็งเหนือกว่าทีมอื่น การเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานยังทำให้คุณมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณเวลา ที่คุณประสบปัญหา คุณจะมีเพื่อนอยู่เคียงข้างเสมอเวลามีความทุกข์ และมีคนที่พร้อมจะยินดีกับคุณเวลามีความสุขและประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
การเสียสละหรือการสังคมสงเคราะห์ เมื่อ มนุษย์มีความรักความเมตตาแล้ว ก็จะมีความเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และให้การสงเคราะห์ซึงกันและกัน ศาสนาต่างๆ จึงสอนให้สงเคราะห์กันด้วยความเมตตากรุณาไม่ใช่หวังผลตอบแทน แต่เน้นการเสียสละด้วยความบริสุทธิ์ใจ เช่น พระพุทธศาสนามีหลักธรรมที่เรียกว่า สังคหวัตถุ4 ซึ่งได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา ศาสนาอิสลามได้มีการกำหนดหลักการให้ชาวมุสลิมมีการบริจาคทาน (ซากาด) แก่ผู้ยากจนหรือสมควรได้รับความช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 2. 5 ของรายได้ ศาสนาคริสต์จะเน้นให้มนุษย์เสียสละ ให้อภัย เอื้อเฟื้อ โดยไม่หวังผลตอบแทน 4.