พยัญชนะสนธิ คือการเชื่อมคำด้วยพยัญชนะเป็นการเชื่อมเสียง พยัญชนะในพยางค์ท้ายของคำแรกกับเสียงพยัญชนะหรือสระในพยางค์แรก ของคำหลัง เช่น -สนธิเข้าด้วยวิธี โลโป คือลบพยางค์สุดท้ายของคำหน้าทิ้ง เช่น นิรส ภัย นิรภัย ทุรส พล ทุรพล อายุรส แพทย์ อายุรแพทย์ -สนธิเข้าด้วยวิธี อาเสโท คือแปลงพยัญชนะท้ายของคำหน้า เป็นสระ โอ แล้วสนธิตามปกติ เช่น มนส ภาพ มโนภาพ ยสส ธร ยโสธร รหส ฐาน รโหฐาน 3. นฤคหิตสนธิ คือ การเชื่อมคำด้วยนฤคหิต เป็นการเชื่อมเมื่อพยางค์หลังของคำแรกเป็นนฤคหิตกับเสียงสระในพยางค์แรกของคำหลัง มี 3 วิธี คือ 1. นฤคหิตสนธิกับสระ ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็น ม แล้วสนธิกัน เช่น สํ อาคม = สม อาคม = สมาคม สํ อุทัย = สม อุทัย = สมุทัย 2. นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะของวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของพยัญชนะในแต่ละวรรค ได้แก่ วรรคกะ เป็น ง วรรคจะ เป็น ญ วรรคตะ เป็น น วรรคฏะ เป็น ณ วรรคปะ เป็น ม เช่น สํ จร = สญ จร = สัญจร สํ นิบาต = สน นิบาต = สันนิบาต 3.
สระสนธิ 2. พยัญชนะสนธิ 3. นฤคหิตสนธิ 1.
ผมสอนภาษาไทยมา ๒๙ ปี เรียนวิชาเอกภาษาไทยตั้งแต่ ป. กศ. สูง ปริญญาตรี ๒ สถาบัน และเรียนปริญญาโทในสาขาจารึกภาษาไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่วนเวียน เกี่ยวข้องอยู่ในวงการภาษาไทยมาโดยตลอด ตอนเด็กผมเรียนเรื่องสระ ก็ท่องกันมาว่า สระไทยมี ๒๑ รูป ๓๒ เสียง ต่อมามาเป็นครูสอน ม. ๑ เมื่อปี ๒๕๒๑ ในตำราหลักภาษาไทย ของกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่าสระไทยมี ๒๔ เสียง ที่หายไป ๘ เสียง คือสระเกิน ได้แก่ สระ อำ ไอ ใอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา ซึ่งตามหลักภาษาศาสตร์ ก็เป็นสระที่เกินมาจริงๆ สระอำ คือสระอะ ที่มี ม. สะกด สระไอ ใอ คือสระอะที่มี ย สะกด สระเอา คือสระอะที่มี ว สะกด ส่วน ฤ ฤา ฦ ฦา ก็มีเสียง ร และ ล ประสม สระอึ สระอือ อยู่ชัดๆ แต่แล้วเมื่อมาสอน ม.
คำที่มีคำเหล่านี้อยู่ด้วย มักจะเป็นคำสมาส คือ การ กร กรรม คดี ธรรม บดี ภัย ภัณฑ์ ภาพ ลักษณ์ วิทยา ศาสตร์ ข้อสังเกต 1. ไม่ใช่คำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตทั้งหมด เช่น เทพเจ้า (เจ้า เป็นคำไทย) พระโทรน (ไม้ เป็นคำไทย) (โทรน เป็นคำอังกฤษ) บายศรี (บาย เป็นคำเขมร) 2. คำที่ไม่สามารถแปลความจากหลังมาหน้าได้ไม่ใช่คำสมาส เช่น ประวัติวรรณคดี แปลว่า ประวัติของวรรณคดี นายกสมาคม นายกของสมาคม วิพากษ์วิจารณ์ การวิพากษ์และการวิจารณ์ 3.